วันอาทิตย์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ไม่ขับถ่ายตอนเช้าจะเกิดอะไรขึ้น

          
            ในช่วงเวลา 05.00 น.- 07.00 น. เป็นเวลาของลำไส้ใหญ่ ถ้ายังไม่ยอมถ่ายอุจจาระแล้วปล่อยเวลาเลยมาถึง 07.00 น.-09.00 น. ซึ่งเป็นเวลาของกระเพาะอาหารแล้วไม่ยอมรับประทานอาหารเช้าอีก อุจจาระจากลำไส้ใหญ่ที่ไม่ขับถ่ายออกจะถูกบีบตัวขึ้นมาจากลำไส้ใหญ่ผ่านลำไส้เล็กมาที่กระเพาะอาการก็จะถูกดูดซึมซ้ำอีกครั้ง ในอุจจาระเก่ามีแก๊สที่เสียแล้ว เกิดจากการบูดเน่าโดยอุณหภูมิของร่างกายซึ่งมีความร้อน 37 องศาตลอดเวลา ไม่เหมือนกับตู้เย็นที่เก็บได้นานกว่า เพราะแก๊สพิษเหล่านี้จะถูกดูดซึมเข้าไปในกระแสเลือด เลือดจึงไม่สะอาด ถ้าเลือดไม่สะอาดที่ไหลเวียนไปเลี้ยงทุกส่ทวนของร่างกายไหลผ่านสมอง หัวใจ ปอด ม้าม ตับ ผิวหนัง ก็จะได้รับพิษจากแก๊สพิษด้วย
                                       

ก่อนเที่ยงถึงบ่าย ง่วงนอนเพราะเลือดไม่สะอาดไปเลี้ยงหัวใจ หัวใจก็อ่อนล้า ไม่สดชื่น

มีกลิ่นตัว กลิ่นปาก ก็มาจากเลือดไม่สะอาดไปเลี้ยงปอด ปอดก็จะขับออกทางผิวหนังและลมหายใจ ตังเองไม่ค่อยได้กลิ่น แต่คนอื่นได้กลิ่น

ถ้าปล่อยไว้โดยไม่ขับถ่ายในช่วงเวลา 05.00 น.-07.00 น.นานๆ เข้าเป็นระยะเวลาหลายๆ ปี เลือดที่ไม่สะอาดไหลผ่านไปเลี้ยงสมองและไม่กินอาหารมื้อเช้าช่วงเวลา 07.00 น.-09.00 น. สมองก็จะไม่ได้รับสารอาหารที่เป็นประโยชน์ เมื่อแก่ตัวความจำจะเสื่อมเร็ว ปวดเข่า เมื่ออายุมากขึ้น เป็นริดสีดวงทวาร

 วิธีแก้
1. พยายามขับถ่ายระหว่างเวลา 05.00 น.-07.00 น.
2. ควรรับประทานข้าวเช้าทุกวันระหว่างเวลา 07.00 น.- 09.00 น.

ความสำคัญของอาหารมื้อเช้า

         การไม่รับประทานอาหารมื้อเช้าเป็นเหตุพื้นฐานที่ทำให้เกิดการเจ็บป่วยที่เรามองข้ามไป คิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่เคยปฏิบัติอยู่เป็นประจำ ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย
อาหารมื้อเช้าเป็นอาหารมื้อที่สำคัญที่สุด ที่ร่างกายต้องการสารอาหารในช่วงเวลา 07.00 น.-09.00 น. ระหว่างเวลานี้สมองและใบหน้าของคนเราต้องการเลือดและออกซิเจนเป็นอาหารบำรุงส่งขึ้นไปเลี้ยงสมอง ถ้าไม่ทรับประทานข้าวเช้าก็จะไม่มีเลือดมารับออกซิเจนส่งขึ้นไปเลี้ยงสมอง เพราะสมองต้องการกรดอะมิโนไปบำรุงเซลล์สมอง รวมถึงวิตามินบี 1และบี 12 มื้อเช้าถ้าไม่มีเวลาจริงๆ ก็ควรราบประทานสูตร โยเกิร์ต+นมสด+น้ำผึ้ง+มะนาว และกล้วย 1 ลูก


สาเหตุที่เลือดไปเลี้ยงสมองได้น้อย
1. กระดูกคอข้อที่ 1 เคลื่อนไปเบียดทับเส้นประสาท หรือเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง
2. รับประทานอาหารที่ผัดน้ำมันบ่อยเป็นเวลานาน แล้วเกิดไขมันเกาะตัวเหนียวสะสมในลำไส้ ก็มีโอกาสที่เลือดไปเลี้ยงสมองได้น้อย เพราะระบบดูดซึมเสีย และถุงน้ำดีข้น
3. มีพยาธิในลำไส้ หรือพยาธิที่ผิวหนังจะกัดกินเลือดในร่างกาย
             ถ้าเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ หรือเลือดไปเลี้ยงสอมงได้น้อย จะเริ่มมีอาการดังนี้เช่น ผมร่วง หน้าแก่เร็ว คออักเสบง่าย นอนไม่ค่อยหลับ นอนไม่เต็มอิ่ม ฝันบ่อย ปวดไหล่ ตื่นกลางคืนบ่อยๆ ปวดหัวข้างเดียว ปวดหัวสองข้าง ปวดหู ปวดกระบอกตา เป็นไซนัส เหงือกบวม เจ็บลิ้น ปวดชายโครง ปวดหลัง ปวดเข่า กระดูกสะโพกจะเคลื่อนได้ง่าย ปวดสะโพก ปวดข้อเท้า หลังเท้า วิตกกังวล อาจมีอาการทีละอย่าง หรือหลายอย่างพร้อมกัน
           สมองส่วนหน้า สมองส่วนกลาง สมองส่วนหลัง อยู่คนละส่วน แต่มีเซลล์ประสาทกลุ่มเดียวที่ควบคุมการไหลเวียนของเลือดทั้งสามส่วน

เลือดไปเลี้ยงสมองส่วนหน้าได้น้อย
         วันข้างหน้าก็จะมีหินปูนเกาะที่สมองส่วนหน้า แล้วจะมีอาการนอนไม่ค่อยหลับ เป็นเหตุให้ตาเป็นต้อ จอประสาทตาเริ่มเสื่อม ปัสสาวะบ่อย หน้าเป็นฝ้า หน้าดำ
 

เลือดไปเลี้ยงสมองส่วนกลางได้น้อย
          จะมีอาการง่วงนอนบ่อย หรือง่วงนอนทั้งวัน ปวดเมื่อยเนื้อตัว ปวดส้นเท้า ท้องอืด อาการไม่ย่อย ต่อไปวันข้างหน้าความจำจะเสื่อม เริ่มจำไม่ค่อยได้ แต่ความจำระยะยาวคือเรื่องเก่า ๆ ยังจำได้ ส่วนความจำระยะสั้นคือเรื่องใหม่ ๆ ในปัจจุบันจะจำไม่ค่อยได้ หลง ๆ ลืม ๆ พูดวกไปวนมา ความจำจะเสื่อมไปเรื่อย ๆ


เลือดไปเลี้ยงสมองส่วนกลางได้น้อย
          จะมีอาการแขนขาไม่ค่อยแข็งแรง เดินไม่ค่อยไหว ตอนตื่นนอนบางครั้งจะมีอาการแขนขาตายเหมือนผีอำ ขยับตัวไม่ค่อยได้

สมองเสื่อม

                                                   

      จากงานวิจัยในประเทศไทยพบว่าวันข้างหน้าอีกประมาณ 4-5 ปี จะมีผู้ป้วยสูงอายุเป็นโรคสมองเสื่อมถึง 9ล้านคน เมื่อเราทราบอย่างนี้แล้ว ก็มาหาทางบำรุงสมองกันดีกว่า เพื่อป้องกันไม่ให้สมองเสื่อมก่อนเหตุอันควร ซึ่งเมื่อเป็นแล้วจะเป็นภาระกับคนในครอบครัว ที่ต้องมาคอยดูแลอยู่ตลอดเวลาhttps://www.google.co.th/
http://www.unicity.net/thailand/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น